กรณีระดับน้ำไม่ปกติ การควบคุมระดับน้ำให้ถูกต้องนั้น สามารถทำได้ทั้งโดยผู้ควบคุมและโดยระบบอัตโนมัติ ระบบการควบคุมอัตโนมัตินั้นจะเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งแต่จะไม่สามารถใช้แทนการปรับตั้งโดยผู้ควบคุมไปเลยได้เพราะการปรับโดยผู้ควบคุมจะมีความแม่นยำมากกว่า ซึ่งระดับน้ำที่ต่ำนั้นอาจทำให้ท่อ (Tube) และแผ่นเหล็ก (Boiler Plate) เกิดการไหม้และมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงได้
ในขณะที่ระดับน้ำที่สูงจะทำให้น้ำมีการเคลื่อนที่ไปพร้อมกับไอน้ำและทำให้เครื่องยนต์ กังหันไอน้ำ (Turbine) วาล์ว หรือท่อได้รับความเสียหายหรือพังได้ ระดับน้ำที่ไม่ปกติ (สูงหรือต่ำเกินไป) เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความประมาทเลินเล่อของผู้ควบคุม การทำงานที่ผิดปกติของอุปกรณ์ควบคุมแรงดัน (Regulator) หรือปั๊ม ท่อแตก หม้อน้ำรั่ว การทำงานผิดปกติของอุปกรณ์แสดงระดับน้ำ หรือความผิดปกติของระบบหมุนเวียนน้ำ
1). ระดับน้ำต่ำ
ในกรณีที่ระดับน้ำต่ำกว่าระดับในช่องกระจกวัดระดับน้ำ ให้ปิดระบบการจ่ายเชื้อเพลิง ไล่อากาศออกจากหม้อน้ำ และปิดการทำงานของพัดลมทุกตัว จากนั้นให้ปล่อยน้ำเข้าไปในหม้อน้ำอย่างช้าๆ จนน้ำอยู่ในระดับปกติ
ในกรณีที่มีความเป็นไปได้ที่หม้อน้ำอาจได้รับความเสียหายด้วย ควรทำให้หม้อน้ำเย็นลงและทำการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนการใช้หม้อน้ำอีกครั้ง โดยให้ทำการพิจารณาหาสาเหตุที่ทำให้น้ำอยู่ในระดับต่ำและให้ดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสมก่อนที่จะกลับไปใช้งานหม้อน้ำตามปกติ การควบคุมระดับน้ำนั้นควรดำเนินการโดยผู้ควบคุมจนกว่าจะแน่ใจว่าระบบควบคุมอัตโนมัติจะสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องแล้ว
2). ระดับน้ำสูง
ในกรณีที่ระดับน้ำสูงกว่าระดับในช่องกระจกวัดระดับน้ำ ให้ปิดระบบจ่ายน้ำเข้าและระบบจ่ายเชื้อเพลิง ไล่อากาศออกจากหม้อน้ำ และปิดระบบจ่ายอากาศสำหรับเผาไหม้ สำหรับหม้อน้ำประเภทที่ใช้กำลังคนป้อนเชื้อเพลิงนั้น (Hand-fired Boiler) ให้ทำการกลบไฟโดยใช้ถ่านดินสีเขียว (Green Coal) หรือขี้เถ้าเปียกกลบไฟ สำหรับหม้อน้ำแบบใช้แผงตะกรับป้อนเชื้อเพลิง (Stoker-fired Boiler) ให้ปิดการทำงานของแผงตะกรับป้อนเชื้อเพลิง หยุดระบบจ่ายอากาศ และเปิดประตูห้องเผาไหม้
ในกรณีที่ผ่านไป 2 นาทีแล้วระดับน้ำไม่ลดลงมาอยู่ภายในช่วงของช่องกระจกวัดระดับน้ำที่เราสามารถมองเห็นได้นั้น ให้เปิดการทำงานของวาล์วปล่อยทิ้งตัวหลัก (Main Blowdown Valve) ตามความจำเป็น จากนั้นให้พิจารณาหาสาเหตุที่ทำให้น้ำอยู่ในระดับสูงและให้ดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสมก่อนที่จะกลับไปใช้งานหม้อน้ำตามปกติ การควบคุมระดับน้ำนั้นควรดำเนินการโดยผู้ควบคุมจนกว่าจะแน่ใจว่าระบบควบคุมอัตโนมัติจะสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องแล้ว
กรณีเกิดความผิดปกติของท่อหม้อน้ำ ในกรณีที่น้ำเย็นเข้าไปยังถังเปล่าของหม้อน้ำที่ร้อน ข้อต่อของถังและท่อจะเกิดความเครียดทางความร้อนอย่างรุนแรงซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดการแตกร้าวหรือท่อหลวมได้ ผลที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ก็คือระดับน้ำจะลดลงจนต่ำเกินไปในขณะที่ความร้อนของหม้อน้ำยังคงที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อท่อและโครงสร้างของหม้อน้ำได้ ต่อมาก็อาจเกิดการรั่วขนาดใหญ่ทำให้น้ำที่เหลืออยู่ลดลงไปอีก ระดับน้ำต่ำ ไม่อยู่ในระดับที่ต้องการได้ ในกรณีที่มีการใช้ตัวควบคุมการปล่อยน้ำเข้าหม้อน้ำ ตัวควบคุมนี้ก็จะเปิดกว้างเมื่อระดับน้ำลดต่ำลง ซึ่งจะส่งผลให้น้ำปริมาณมากไหลเข้าไปในหม้อน้ำดังกล่าวและอาจทำให้หม้อน้ำอันอื่นๆ ที่อยู่ในระบบเดียวกันต้องมีระดับน้ำที่ลดต่ำตามไปด้วย สำหรับระเบียบขั้นตอนการแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้อย่างถูกต้องนั้นจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรวดเร็วที่จะสามารถดับไฟที่เกิดขึ้นได้
1
). ระเบียบขั้นตอนสำหรับหม้อไอน้ำแบบใช้ก๊าซหรือใช้น้ำมัน ในกรณีที่การรั่วที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงมากจนจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้ายหม้อน้ำทันทีนั้น ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ปิดระบบจ่ายเชื้อเพลิง
(2) ปิดวาล์วปล่อยไอน้ำถ้าหากว่ามีการใช้งานหม้อน้ำอยู่เพียง 1 อันเท่านั้น ให้ทำการปิดวาล์วนี้อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันมิให้แรงดันลดลงอย่างกะทันหันและอุณหภูมิลดลง สำหรับกรณีที่เป็นการใช้หม้อน้ำมากกว่า 1 อันในระบบเดียวกันนั้น ความดันที่ถังพักไอน้ำและวาล์วกันกลับ (Non-return Valve) จะทำการแยกหม้อน้ำอันที่ผิดปกติออกจากถังพักไอน้ำ (Header) โดยอัตโนมัติ
(3) ปิดระบบจ่ายน้ำเข้าหม้อน้ำ โดยจะต้องระวังไม่ทำให้เกิดความร้อนสูงมากเกินไปกับหม้อน้ำ ในกรณีที่เป็นหม้อน้ำที่ใช้ห้องเผาไหม้ทนความร้อนสูงให้ปรับความเร็วของน้ำเข้าระบบให้มากที่สุดเพื่อเป็นการป้องกันระบบจ่ายน้ำไปยังหม้อน้ำอันอื่นๆ ที่ทำงานอยู่ ให้พยายามรักษาระดับน้ำให้อยู่ในระดับปกติจนกว่าจะไม่มีอันตรายในการเกิดความร้อนสูง จากนั้นให้ปิดระบบจ่ายน้ำเข้า
(4) รักษาความเร็วอากาศขั้นต่ำที่ไหลผ่านหม้อน้ำเพื่อถ่ายเทไอน้ำที่เกิดขึ้นจากการรั่ว
(5) หลังจากผ่านไป 15 หรือ 20 นาที ให้ปิดพัดลมบังคับกระแสอากาศ (Forced-draft Fan)
(6) ใช้วิธีการปกติในการทำให้หม้อน้ำเย็นลง ห้ามระบายน้ำออกจากหม้อน้ำจนกว่าห้องเผาไหม้จะเย็นลงเพียงพอที่จะเข้าไปได้
(7) ตรวจสอบหม้อน้ำและส่วนประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความดันทั้งหมดอย่างละเอียด ทำการซ่อมแซมหม้อน้ำตามความจำเป็น ทั้งนี้ อย่าลืมให้วิศวกรที่ได้รับอนุญาตทำการทดสอบด้วยแรงดันน้ำและรับรองหม้อน้ำก่อนที่จะกลับมาใช้งานหม้อน้ำอีกครั้ง
2). ระเบียบขั้นตอนสำหรับหม้อน้ำแบบใช้แผงตะกรับป้อนเชื้อเพลิง สำหรับหม้อน้ำแบบใช้แผงตะกรับป้อนเชื้อเพลิงนั้น ในกรณีที่เกิดความผิดปกติของท่อ แนะนำให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ :
(1) ปิดระบบจ่ายเชื้อเพลิงและค่อยๆ ลดความเร็วอากาศลงเมื่อเชื้อเพลิงลดลง นอกจากนี้ ให้ใช้วิธีการต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าหรือวิธีการต่างๆ ที่มีอยู่เพื่อกลบไฟอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่มีอันตรายที่จะทำให้หม้อน้ำเกิดการระเบิด
(2) ปิดวาล์วช่องปล่อยไอน้ำ
(3) ปรับความเร็วของน้ำเข้าหม้อน้ำให้อยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่จะทำได้และพยายามรักษาระดับน้ำปกติไว้ ปิดระบบจ่ายน้ำเข้าหม้อน้ำหลังจากที่หม้อน้ำเย็นลงถึงจุดที่ไม่มีอันตรายในการเกิดความร้อนสูงได้
(4) ปรับความเร็วของอากาศให้อยู่ในระดับปลอดภัยต่ำที่สุดเพื่อป้องกันมิให้น้ำหรือไอน้ำมีการเคลื่อนที่เข้าไปในห้องหม้อน้ำและลดอัตราการเย็นตัวลงให้ต่ำที่สุด
(5) ตรวจสอบหม้อน้ำอย่างละเอียดและทำการซ่อมแซมตามความจำเป็น ทั้งนี้ อย่าลืมให้วิศวกรที่ได้รับอนุญาตทำการทดสอบด้วยแรงดันน้ำและรับรองหม้อน้ำก่อนที่จะกลับมาใช้งานหม้อน้ำอีกครั้ง
กรณีเกิดความผิดปกติของพัดลม การเคลื่อนที่ของอากาศและก๊าซผ่านหม้อน้ำนั้นจะเกิดจากการทำงานของพัดลมบังคับกระแสอากาศ (Forced-draft Fan) และพัดลมดูดลมเข้า (Induced-draft Fan) ปัญหาสำคัญที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมดูดลมเข้าหยุดทำงานด้วยสาเหตุต่างๆ ในกรณีที่ระบบเผาไหม้ยังคงทำงานอยู่เมื่อพัดลมดูดลมเข้าหยุดทำงานนั้น ควัน ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ หรือไฟก็จะหลุดรอดเข้าไปในห้องหม้อน้ำ
สำหรับพัดลมบังคับกระแสอากาศและระบบจ่ายเชื้อเพลิงนั้นควรจะต้องหยุดทำงานทันทีเมื่อพัดลมดูดลมเข้าหยุดทำงาน หม้อน้ำส่วนใหญ่นั้นจะมีระบบล็อคนิรภัยซึ่งจะทำการหยุดการทำงานของพัดลมบังคับกระแสอากาศและระบบจ่ายเชื้อเพลิงทันทีโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ โดยปกติแล้วระบบล็อคนิรภัยนี้จะทำหน้าที่หยุดการทำงานของระบบจ่ายเชื้อเพลิงถ้าหากว่าพัดลมบังคับกระแสอากาศหยุดทำงาน ซึ่งในกรณีที่หม้อน้ำไม่มีระบบล็อคนิรภัยนี้ ผู้ควบคุมก็จะต้องดำเนินการดังกล่าวด้วยตนเอง
ในกรณีที่พัดลมดูดลมเข้าหยุดทำงานด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ให้ค่อยๆ เปิดบานปรับ (Damper) ทุกตัว ทำให้เกิดการไหลเวียนของอากาศตามธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อระบายอากาศให้แก่หม้อน้ำ การเปิดบานปรับเหล่านี้ควรเป็นไปตามจังหวะเวลาหรือมีการควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความดันสูงในระหว่างที่พัดลมเริ่มมีการหยุดทำงาน ให้รักษาสภาพเช่นนี้ไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งการทำเช่นนี้ควรจะต้องทำให้มีการแทนที่อากาศไม่น้อยกว่า 5 เท่า โดยการดำเนินการดังกล่าวไม่ควรใช้เวลาน้อยกว่า 15 นาที เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว ให้ปิดบานปรับควบคุมการไหลและเปิดการทำงานของพัดลมทันที จากนั้นค่อยๆ เปิดความเร็วของอากาศไปที่ขั้นต่ำ 25% ของความเร็วสูงสุดและทำการไล่อากาศออกจากหม้อน้ำเป็นเวลา 5 นาที
ทั้งนี้ท่านควรปฏิบัติตามข้อแนะนำทั่วไปเหล่านี้ เว้นแต่ว่าจะมีการทดสอบกับหม้อน้ำใดๆ แล้วแสดงให้เห็นได้ว่าควรใช้ค่าตัวเลขหรือระยะเวลาค่าอื่นๆ
กรณีเกิดความผิดปกติของระบบไฟฟ้า อุปกรณ์ประกอบในหม้อน้ำบางอันนั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานทั้งด้วยไอน้ำและด้วยไฟฟ้า ในกรณีที่อุปกรณ์ประกอบอันใดอันหนึ่งเกิดการทำงานผิดปกติขึ้น อุปกรณ์อีกอันหนึ่งก็จะทำงานแทนทันที ในกรณีที่อุปกรณ์ประกอบทั้งหมดนี้ทำงานด้วยไฟฟ้าและไม่มีเครื่องยนต์สำรองที่ทำงานด้วยน้ำมันเบนซินหรือไอน้ำ หรือไม่มีแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉิน ความผิดปกติของระบบไฟฟ้าก็จะทำให้อุปกรณ์ทั้งระบบหยุดทำงานได้
ในขณะที่ทำการกู้ระบบไฟฟ้าให้กลับคืนมาตามปกตินั้น ให้เตรียมอุปกรณ์ประกอบของหม้อน้ำให้พร้อมเพื่อให้สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติทันทีเมื่อไฟฟ้าใช้ได้ตามปกติ ให้จัดทำและปฏิบัติตามกำหนดการทดสอบการทำงานของอุปกรณ์สำรองทั้งหมด
หม้อน้ำบางอันอาจทำงานได้ในประสิทธิภาพที่ลดน้อยลงเมื่อมีการไหลเวียนของอากาศโดยธรรมชาติ ท่านอาจใช้เครื่องปั๊มที่ทำงานด้วยไอน้ำเพื่อจ่ายน้ำเข้าหม้อน้ำได้ และถ้าหากว่าดำเนินการดังกล่าวนี้ได้ ก็อาจยังคงสามารถใช้งานอุปกรณ์บางส่วนที่ทำงานด้วยไอน้ำได้ ให้ท่านกำหนดแผนการในลักษณะที่จะต้องมีการหยุดการทำงานของอุปกรณ์สำคัญเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ศึกษาส่วนประกอบของหม้อน้ำและค้นหาว่าในกรณีที่เกิดความผิดปกติของไฟฟ้าขึ้นนั้นจะมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้การทำงานของระบบต่อไปนี้ยังคงทำงานได้ต่อไป
ก. การจ่ายน้ำเข้าหม้อน้ำ
ข. การทำงานของพัดลมดูดลมเข้า
ค. การจ่ายเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้
ง. การจ่ายอากาศสำหรับการเผาไหม้
จ. การทำงานของระบบควบคุมอัตโนมัติ
ฉ. การทำงานของวาล์วและอุปกรณ์นิรภัย
กรณีเกิดความผิดปกติของเปลวไฟ หัวเตาเผาที่ใช้น้ำมันและหัวเตาเผาที่ใช้ก๊าซนั้นจะมาพร้อมกับเครื่องตรวจจับเปลวไฟและระบบควบคุมนิรภัยซึ่งจะทำหน้าที่ปิดการทำงานของหัวเตาเผาภายใน 2 – 4 วินาทีโดยปลอดภัยหลังจากที่เกิดความผิดปกติของเปลวไฟขึ้น และทำการไล่อากาศออกจากห้องเผาไหม้ก่อนที่จะหยุดการทำงานของพัดลม สำหรับระบบที่ควบคุมโดยคนนั้นจะต้องให้ผู้ควบคุมดำเนินการสิ่งต่างๆ เหล่านี้
ในกรณีที่พัดลมมีการทำงานอยู่หลังจากที่ได้หยุดการทำงานของระบบเพื่อความปลอดภัยแล้ว ให้ปล่อยให้พัดลมทำงานต่อไป ห้ามเพิ่มการไหลผ่านของอากาศในทันที ในกรณีที่การเคลื่อนที่ของอากาศมีมากกว่า 25% ของความเร็วสูงสุด ควรค่อยๆ ลดระดับให้น้อยลงไปยังระดับ 25% เพื่อทำการไล่อากาศหลังไฟดับเป็นเวลาอย่างน้อย 5 นาที ในกรณีที่การเคลื่อนที่ของอากาศน้อยกว่า 25% ณ เวลาที่หยุดการทำงานของระบบ ควรรักษาระดับการเคลื่อนที่ดังกล่าวเรื่อยไปอีกเป็นเวลา 5 นาที จากนั้นให้เพิ่มขึ้นเป็น 25% และให้เป็นเช่นนั้นไปอีก 5 นาที
การใช้งานหม้อไอน้ำให้อยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา จำเป็นต้องมีมาตรการ ทั้งในด้านของการตรวจเช็ค ตรวจสภาพ การเปลี่ยน และการซ่อม ในแต่ละช่วงเวลาของการทำงานเช่น ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุก6เดือน และทุกปี ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องดำเนินการตามมาตรการกรณีฉุกเฉินต่างๆ ข้างต้น อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านควรอ้างอิงจากคู่มือของหม้อไอน้ำ ที่มีมาคู่กับการติดตั้งหม้อไอน้ำ ตามที่ผู้ผลิตได้แนะนำเอาไว้ เป็นแนวในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง อันจะนำไปสู่การใช้งานที่ยาวนานของหม้อไอน้ำและใช้งานได้อย่างปลอดภัย