ลักษณะที่ดีของอาคารหรือโกดังเก็บสารเคมีเป็นอย่างไร
เขียนโดย Administrator
นอกจากห้องปฏิบัติการในหน่วยงานหรือสถานศึกษาแล้ว ยังมีอาคารหรือโกดังเก็บสารเคมีที่ไม่เข้าข่ายการควบคุมตามพระราชบัญญัติโรง งานอุตสาหกรรม ซึ่งสถานที่เก็บสารเคมีเหล่านี้บางครั้งมีการจัดการสารเคมีที่ไม่ถูกวิธี ทำให้เกิดการรั่วไหลหรืออุบัติภัย ทำให้พนักงานที่ทำงานในอาคารนั้นๆ หรือประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นจึงควรมีการจัดการที่เหมาะสมในด้านต่างๆ เพื่อลดโอกาสและป้องกันการเกิดอุบัติภัย
การจัดเตรียมสถานที่เพื่อเก็บสารเคมีในอาคารสำหรับกิจการขนาดเล็กที่มีการ ใช้สารเคมีนั้น มีข้อแตกต่างจากการจัดเตรียมห้องปฏิบัติการในรายละเอียดของสถานที่ตั้ง อาณาบริเวณโดยรอบ รวมถึงระบบระบายน้ำและอากาศ เนื่องจากอาคารเหล่านี้มักเป็นที่เก็บสารเคมีโดยเฉพาะและเก็บในปริมาณมาก จึงมีข้อพึงปฏิบัติที่เพิ่มมากขึ้นและมีหลักการทั่วไปดังนี้
การจัดเก็บสารเคมี
สามารถใช้การจัดเก็บสารเคมีตามเกณฑ์การแบ่งตามลักษณะอันตรายของ UN ได้
สถานที่ตั้ง
สถานที่เก็บสารเคมีที่ดี ควรอยู่ห่างจากบริเวณที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น ห่างจากเขตพระราชฐานหรือเขตสาธารณะสถาน ห่างไกลจากแหล่งน้ำดื่ม ห่างไกลจากบริเวณที่น้ำท่วมถึง และห่างไกลจากแหล่งอันตรายอื่นๆ ที่อาจเกิดจากภายนอก ควรมีเส้นทางที่สะดวกแก่การขนส่ง และเข้าถึงได้รวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเพียงพอ เช่น อุปกรณ์เตือนอันตรายจากเพลิงไหม้ ระบบจ่ายไฟฉุกเฉิน ระบบดับเพลิง ระบบระบายน้ำ ป้องกันการไหลของน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินลงสู่แหล่งน้ำ สาธารณะพร้อมระบบบำบัดน้ำเสีย และควรมีเครื่องปฐมพยาบาลอยู่ใกล้บริเวณอาคารเก็บสารเคมี
บริเวณโดยรอบ
สถานที่เก็บสารเคมีต้องมีบริเวณพื้นที่ว่างรอบอาคารอย่างน้อย 10 เมตรเพื่อความสะดวกในการควบคุมสถานการณ์เมื่อเกิดอุบัติภัย อาณาเขตบริเวณโดยรอบที่ตั้งต้องมีกำแพงหรือรั้วกั้นที่อยู่ในสภาพที่มั่นคง แข็งแรงและสามารถบำรุงรักษาให้ดีอยู่เสมอได้ง่าย
อาคารเก็บสารเคมี
แผนผังอาคารต้องออกแบบให้สอดคล้องกับชนิดของสารเคมีที่จะเก็บ เนื้อที่และพื้นที่ของอาคารเก็บสารเคมีต้องแบ่งเป็นสัดส่วน เพื่อเก็บสารอันตรายคนละประเภทและสารอันตรายประเภทที่ไม่สามารถเก็บรวมกัน ได้ อาคารต้องปิดมิดชิดและปิดล็อคได้ วัสดุก่อสร้างอาคารรวมทั้งหลังคาต้องเป็นชนิดไม่ติดไฟและทนไฟ พื้นอาคารต้องมั่นคงแข็งแรง ไม่กักน้ำและไม่ลื่น รวมทั้งไม่ดูดซับสารเคมี ผนังอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหรือเหล็ก ถ้าเป็นโครงสร้างเหล็กต้องหุ้มด้วยฉนวนกันความร้อน นอกจากนั้นควรจัดทำเขื่อน กำแพง ทำนบ ผนังหรือสิ่งอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายกันเพื่อป้องกันสารเคมีรั่วไหลออกมาภาย นอกและมีรางระบายสารเคมีที่รั่วไหลไปยังที่ปลอดภัยเพื่อไม่ให้มีการสะสมตก ค้าง
ทางออกฉุกเฉิน
ต้องจัดให้มีทางออกฉุกเฉิน นอกเหนือจากทางเข้า-ออกปกติ ไม่น้อยกว่า 2 ทาง ประตูต้องเป็นชนิดเปิดออกภายนอก ความสูงไม่น้อยกว่า 1.10 เมตรและเปิดออกได้ง่ายในความมืดหรือเมื่อมีควันหนาทึบ ทางเดินภายในและภายนอกต้องกว้างเพียงพอที่จะลำเลียงเครื่องมือและอุปกรณ์ดับ เพลิงได้สะดวก บริเวณทางออกฉุกเฉิน ต้องมีไฟฉุกเฉินติดสัญลักษณ์ชัดเจน ขนาดเหมาะสมที่สามารถมองเห็นได้แม้ในความมืดและไม่มีสิ่งกีดขวาง
การระบายอากาศ
อาคารที่เก็บสารเคมีต้องมีการระบายอากาศที่ดีโดยคำนึงถึงชนิดของสารเคมีที่ เก็บ และสภาพการทำงานที่ปลอดภัย การมีช่องระบายอากาศอยู่ในตำแหน่งบนหลังคา หรือผนังอาคารในส่วนที่ต่ำลงมาจากหลังคา และบริเวณใกล้พื้นจะทำให้การระบายอากาศเป็นไปได้อย่างดี มีพื้นที่ประตูหน้าต่างและช่องลมรวมกันโดยไม่นับที่ติดต่อระหว่างห้องไม่ น้อยกว่า 1 ใน 10 ส่วนของพื้นที่ของห้อง หรือมีการระบายอากาศไม่น้อยกว่า 0.5 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที ต่อคนงานหนึ่งคน
การระบายน้ำ
ท่อระบายน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีต้องแยกกับท่อระบายน้ำฝน และมีบ่อพักน้ำทิ้งเพื่อสามารถนำไปบำบัดได้อย่างถูกวิธี ท่อระบายน้ำฝนต้องอยู่นอกอาคาร ท่อระบายน้ำในอาคารต้องเป็นชนิดที่ไม่ติดไฟ
ข้อพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับการเก็บสารเคมีและ วัตถุอันตรายนอกอาคาร
สารเคมีและวัตถุอันตรายที่เก็บนอกอาคาร โดยเฉพาะในประเทศที่มีอากาศร้อนต้องคำนึงถึงการเสื่อมสภาพ เนื่องจากการสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูง จึงต้องระมัดระวังในการเลือกวิธีเก็บโดยอาศัยเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสาร เคมี (SDS) ช่วยในการพิจารณา รวมทั้งมีการตรวจสอบการรั่วไหลอย่างสม่ำเสมอเพื่อมิให้ปนเปื้อน ลงสู่ระบบระบายน้ำ
________________________________________
แหล่งอ้างอิง :
กรมควบคุมมลพิษ - คู่มือเกณฑ์ปฏิบัติสำหรับสถานที่เก็บสารเคมีขนาดเล็ก
http://pcd.go.th/Public/Publications/print_haz.cfm?task=storageสำนักควบคุมวัตถุอันตราย กรมโรงงานอุตสาหกรรม. คู่มือการเก็บรักษาวัตถุอันตราย. 25