การเลือกวัสดุของถุงมือ 1. ยางธรรมชาติ (Latex): เป็นวัสดุที่ใช้ป้องกันด่างอ่อน กรด แอลกอฮอล์ รวมไปถึงสารละลายเจือจางที่มีการนำมาผสมอยู่ ให้การป้องกันได้พอประมาณกับสารเคมีประเภทคีโตนและอลดีไฮนทยงไมเจอจาง และให้การป้องกันต่อการบาดได้ดีมาก
ข้อสังเกตุ ถึงแม้ว่ามีการรายงานในส่วนของการแพ้โปรตีนของยางธรรมชาติไม่บ่อยนัก จากการสวมใส่ถุงมือยาง แต่ถ้าหากสังสัยหรือทราบว่าลักษณะของแพ้ถุงมือยางเกิดขึ้น ควรแนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ถุงมือยางไนโตรหรือยางโอพรนแทนทันที
2. ยางสังเคราะห์ (Nltrlle and Neoprene) ยางไนโตร : ให้การป้องกันต่อสารเคมีประเภทด่างอ่อน น้ำมัน สารตัวทำละลายรวมไปถึงเอสเตอร์ (Esters) จารบีและไขสัตว์ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่แนะนำให้ใช้สำหรับป้องกันสารเคมีประเภทคีโตนและสารตัวทำละลายอินทรีย์บางประเภท โดยให้การป้องกันได้ดีเลิศต่อการเฉียวเฉือน การเจาะทะลุ การเสียดสีและการบาด
ยางนีโอพรีน : ให้การป้องกันต่อสารเคมีหลาย ๆ ชนิด เช่น น้ำมัน กรด ด่างแกและสารตัวทำละลาย แต่ป้องกันได้น้อยกว่ายางธรรมชาติและยางไนโตรในส่วนการป้องกันการบาด การเฉียวเฉือน การเสียดสี และการเจาะทะลุ
3. โพลีไวนิลแอลกอฮอล์ (PVA) : ให้การป้องกันไดดีต่อสารเคมีประเภทสารตัวทำละลายสารอินทรีย์ซึ่งมีองค์ประกอบของคลอรีนและโครงสร้างทางโมเลกุลแบบอัลฟาตครอโรมาตค สารเอสเตอร์และสารคโตนส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังให้การป้องกันต่อการเฉียวเฉือน การบาด การเจาะทะลุและการเสียดสีได้ดี แต่จะเสียสภาพได้เร็วมากเมื่อไปถูกกับน้ำหรือแอลกอฮอล์ยางอ่อน
4. โพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) : ให้การป้องกันได้ดีต่อสารเคมีหลาย ๆ ชนิด ประเภทกรด ด่างแก่ ด่างอ่อน และแอลกอฮอล์ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ห้องกันสารประเภทคีโตนและสารทำละลายให้การป้องกันการเสียดสีและการบาดได้ดี แต่บางชนิดทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
5. เอทธีลีนไวนิลแอลกอฮอล์ (EVOH): เป็นวัสดุที่ป้องกันสารเคมีได้หลากหลายชนิดที่พาลได้ในปัจจุบัน หรือบางครั้งเรารู้จักกันในชื่อ "ถุงมือฟิล์มเรียบ" เนื่องจากโครงสร้างผลิตภัณฑ์ได้มาจากการนำแผ่นฟิลม์มาอัดเป็นรูปถุงมือให้การป้องกันได้ดีเลิศต่อสารเคมีอันตรายต่าง ๆ หลายชนิด แต่ให้การป้องกันได้น้อยต่อการสูญเสีย/เสียหายทางกายภาพ/ฟิสิกส์ โดยปกติจะใช้สวมอยู่
วิธีใช้ถุงมือให้เหมาะสมในกรณีมีการทำงานกับสารเคมี 1. เลือกถึงมือกับสารเคมีประเภทที่มีค่าอัตราป้องกันสูงสุดซึ่งดูได้จากหนังสือคู่มือการเสื่อมสภาพของถุงมือเนื่องจากสารเคม เพื่อให้ได้ตามเงื่อนไขของสภาวะแวดล้อมทางเคมีและฟิสิกส์ที่ถุงมือนั้นจะนำไปใช้ กรณีต้องการข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการซึมทะลุผ่านของสารเคมีและการเสือมสภาพเนื่องจากสารเคมี ให้ท่านสอบถามโดยตรงกับบริษัทผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่ายที่ท่านซื้อสินค้าอยู่ สำหรับข้อมูลที่มีอยู่ในหนังสือคู่มือเสื่อมสภาพของถุงมือเนื่องจากสารเคมีนั้นเป็นเพียงขอแนะนำเชิงทฤษฏีเท่านั้นผู้ใช้ต้องตัดสินใจเลือกเองโดยการทดสอบ หากว่าในการปฏิบัติอยู่ส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการบาด การเสียดสี การเจาะทะลุและการเฉียวเฉือนเป็นสิ่งสำคัญแล้ว ควรใช้ถุงมือที่มีรองในซับในแทน
3. เลือกถุงมือที่ลายฝามือที่เหมาะสมเพื่อการยึดจับของในขณะปฏิบัติงานได้ดี
4. เลือกความยาวของถุงมือตามลักษณะของความลึกที่ถุงมือนั้นจะจุ่มลงสารเคมีขณะปฏิบัติงานหรือความยาวของถุงมือที่จะสัมผัสและเพื่อป้องกันการกระเซ็นของสารเคมี
5. เลือกใช้ถุงมือที่มีค่าความหนาน้อย ๆ สำหรับใช้ในงานที่ต้องการความรู้สึกสัมผัสและความคล่องตัวของมือสูง แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มการป้องกันและความทนทาน ควรเลือกใช้ถุงมือที่มีความหนาวเพิ่มขึ้นหรือเลือกถุงมือสำหรับใช้งานหนัก
6. เลือกขนาดของถุงมือให้ถูกต้อง หรือเลือกขนาดที่ให้ความสะดวกสบาย กระซับมือทำงานง่าย สวมใส่สะดวก และพึงพอใจกับผู้ปฏิบัติงานมากที่สุด
ในกรณีเพื่อใช้ในการป้องกันทั่วไปหรืองานเฉพาะอย่าง 1. ศึกษาเงื่อนไขทางสภาวะทางฟิสิกส์ที่ถุงมือนั้นจะถูกนำไปใช้ในงานได้อย่างเหมาะสม เช่น อุณหภูมิ ลักษณะการบาด ลักษณะการเสียดสี ลักษณะการเจาะทะลุ ฯลฯ
2. พิจารณราถึงคุณสมบัติหรือโครงสร้างของถุงมือที่จำเป็นต้องการที่จะนำไปใข้งานนั้น เช่น ความคล่องมือที่ต้องการ การป้องกัน การยึดเกาะ การป้องกันของเหลว การเป็นฉนวน ความร้อน ฯลฯ
3. เลือกรูปแบบของถุงมือที่ค่าคุณสมบัติที่ถุงมือนั้นตรงกับความต้องการในการใช้งานจริง
ในกรณีเพื่อใช้งานป้องกันชิ้นงาน 1. ศึกษาถึงระดับความต้องการของการรู้สึกสัมผัส ความกระชับ ความหนาบาง และความจำเป็นในการใช้แล้วทิ้งไปของถุงมือนั้น
2. ศึกษาถึงระดับความต้องการของความสะอาดที่จำเป็น เช่น ถุงมือจำเป็นต้องมีแป้งหรือปลอดแป้ง รวมไปถึงความจำเป็นของการฆ่าเชื้อของถุงมือนั้น
3. เลือกใช้ถุงมือที่ให้คุณสมบัติตามลำดับความสำคัญที่กล่าวมาแล้วข้างตนเท่านั้น
ที่มา : safetylifethailand 20 ก.ค. 2554