คนงานโรงงานขนมปังใน กรุงเทพฯ มือข้างหนึ่งเข้าไปติดในเครื่องบดเนื้อในขณะที่เครื่องกำลังทำงาน เป็นผลให้เขาต้องตัดนิ้วทิ้งไป 2 นิ้ว มือขวาของแสงดาว ช่วยเชี่ยว เหลือเพียงนิ้วหัวแม่มือบางส่วน อีกสี่นิ้วขาดหายไปในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นขณะทำงาน ซึ่งเธอกำลังเรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัท แต่หนทางที่จะได้รับค่าชดเชยและชีวิตส่วนที่เหลือของเธอหลังเกิดอุบัติเหตุ เมื่อเดือนมกรานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับคนงานวัยหนุ่มสาวอย่างเธอ
ปัจจุบัน แสงดาว ซึ่งอายุ 27 ปี ยังคงทำงานกับบริษัทเดิมที่เธอทำงานมา 4 ปีแล้ว บริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬา ไม่มีแผนกดูแลความปลอดภัยในการทำงานตามที่กฎหมายกำหนด และไม่มีสหภาพแรงงานด้วย
แสงดาวได้รับเงินชดเชยเนื่องจากความ พิการเป็นเงิน 35,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันชีวิตหมู่ที่บริษัททำไว้ และเจ้าหน้าที่บริษัทจำนวนหนึ่งลงขันกันช่วยเหลือเธออีก 1,250 บาท เป็นที่เข้าใจได้ว่า แสงดาวไม่ได้รู้สึกว่าค่าชดเชยที่ได้รับนี้เพียงพอต่อการสูญเสีย ซึ่งเธอกล่าวว่า เกิดจากเครื่องจักรทำงานผิดปกติ โดยที่บริษัทรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อบริษัทไว้กับทางตำรวจ โดยหวังว่ามันจะใช้เป็นหลักฐานในการเรียกร้องค่าชดเชย
ไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงและบันทึก การเกิดอุบัติเหตุให้แสงดาวนำไปแสดงต่อตำรวจ
ก่อนการเกิดอุบัติเหตุเธอได้รายงานความผิดปกติของเครื่องจักรที่บดขยี้มือ ขวาของเธอ แต่ไม่มีบันทึกที่บรรยายว่า รองผู้จัดการบริษัทได้เดินเครื่องด้วยความเร็วสูง และสั่งให้เธอทำงาน คนงานที่ทำงานร่วมกับแสงดาวบางคนเป็น พยานในเรื่องนี้ได้ แต่เธอไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะให้การเป็นพยานเข้าข้างเธอหรือไม่ เธอเล่าว่า หัวหน้างานโดยตรงของเธอก็น่าจะรู้ว่าเครื่องจักรไม่ได้ทำงานเป็นปกติ เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่รายงานเรื่องนี้ต่อช่างเครื่องของบริษัท แต่เช่นเดียวกัน แสงดาวไม่ได้รู้สึกว่าเธอจะสามารถพึ่งให้เขาให้การเป็นพยานได้ถ้าหากคดีไป ถึงชั้นศาล
“ตำรวจถามฉันว่า ทำไมฉันต้องแจ้งความดำเนินคดีต่อนายจ้าง ในเมื่อฉันแค่เสียนิ้วมือเท่านั้น” แสงดาวกล่าวพร้อมกับน้ำตาไหลพราก มันบรรยายถึงความสูญเสียของเธอที่เหลือแค่เพียง “นิ้วกุด”
แสงดาว แม่บ้านผู้หย่าขาดกับสามี และเลี้ยงดูลูกชายวัย 4 ขวบตามลำพัง กล่าวว่า เธอไม่มีใครให้หันหน้าไปพึ่ง เนื่องจากบริษัทของเธอไม่มีสหภาพแรงงาน ความลำบากในการต่อสู้เรียกร้องค่าชดเชยบรรเทาเบาบางลงบ้างตั้งแต่ที่เธอได้ พบกับสมาชิกสหภาพแรงงานภาคตะวันออกบางคน ซึ่งให้กำลังใจเธอ และพาเธอไปพบกับเจ้าหน้าที่ แต่ทว่า ก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่นอนว่า เธอจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่
โดยทั่วไปผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐ จะโยนความผิดเรื่องอุบัติเหตุในสถานประกอบการว่าเป็นความบกพร่องของมนุษย์ เมื่อถามความเห็นจากนายอาทิตย์ อิสโม รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายอาทิตย์กล่าวว่า อุบัติเหตุในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นได้ทุกๆ ที่ในสถานประกอบการ
แต่ฝ่ายที่สนับสนุนคนงานกล่าวว่า ถึงแม้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดจากความบกพร่องผิดพลาดของมนุษย์จะเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา แต่ปัจจัยที่เป็นสาเหตุของความผิดพลาดดังกล่าวต้องนำมาพิจารณาด้วย พวกเขาชี้ว่า ประเทศไทยไม่มีระบบที่พร้อมจะตรวจสอบอุบัติเหตุและสาเหตุที่ทำให้เกิด อุบัติเหตุ ตลอดจนไม่มีระบบในการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ ที่จะทำให้มั่นใจได้ว่านายจ้างได้ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยในสถานประกอบ การ ความล้มเหลวดังกล่าวมานี้เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุจำนวนมากมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย การเสียชีวิต และความพิการขึ้นในประเทศ