ไฟไหม้โกดังเก็บทินเนอร์บ.สหยูเนียน
ไฟไหม้โกดังเก็บทินเนอร์ บ.สหยูเนี่ยน ในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ระดมรถดับเพลิงสกัด อพยพคนงานหนีตายวุ่น หลังอาคารเริ่มทรุด-แตกร้าว เสียงดังคล้ายระเบิดคลังแสงปากช่อง
เหตุการณ์ระทึกขวัญ เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ภายในนิคมอุตสาหกรรม เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารของบริษัทสหยูเนี่ยน ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ซอยเสรีไทย 62 หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นประสานรถดับเพลิงบางชันเข้าระงับเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารโกดังสูง 4 ชั้น เบื้องต้นพบว่า เพลิงลุกไหม้จากบริเวณชั้น 3 ลุกลามขึ้นไปที่บริเวณชั้น 4 ซึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์ประเภทสีและทินเนอร์ของบริษัทสหยูเนี่ยน โดยเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ เนื่องจากอาคารอยู่ด้านใน จึงต้องลากสายเข้าไปสกัดเพลิงเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร
ล่าสุดมีรายงานด้วยว่า อาคารที่ถูกเพลิงไหม้มีรอยร้าว ทำให้อาคารบางส่วนเริ่มทรุดตัว และมีเสียงแตกร้าวออกมาถึงด้านนอก เจ้าหน้าที่ต้องคอยดับเพลิงอยู่ด้านนอกเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ประสานรถดับเพลิงของสถานีดับเพลิงพื้นที่ใกล้เคียงเข้าไปยังที่เกิดเหตุอีก เนื่องจากสถานการณ์ไฟไหม้ส่อเค้ารุนแรงขึ้นทุกขณะ ขณะที่ทางโรงงานเร่งอพยพคนงานออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม หลังใช้เวลาดับเพลิงอยู่หลายชั่วโมงเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมส่งกองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้แล้ว
ด้าน นายสุทัศน์ อภิบาลศรี ผอ.ศูนย์ความปลอดภัยพื้นที่ 2 มีนบุรี กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้อาคารของบริษัทยูเนี่ยน ภายในอุตสาหกรรมนิคมบางชัน เขตมีนบุรี กทม.ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เกิดประกายไฟขึ้นที่ห้องทำสี ซึ่งเป็นที่เก็บวัสดุทินเนอร์ภายในชั้น 3 ของอาคาร ทำให้ไฟไหม้ลุกลามไปยังจุดอื่นๆ ของอาคาร คนงานที่ทำงานอยู่พยายามดับเพลิงแล้วแต่ไม่สำเร็จ จึงประสานขอรถดับเพลิงจากสถานีดับเพลิงบางชัน
นายสุทัศน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ฉีดน้ำเลี้ยงภายนอกอาคารไว้ ซึ่งไฟภายนอกดับไปแล้ว แต่ภายในอาคารพื้นที่ที่เป็นต้นเพลิงยังไม่สามารถดับได้ เพราะมีพลาสติกและแอลกอฮอล์อยู่จำนวนมาก จึงต้องใช้โฟมฉีดเพื่อดับไฟ ซึ่งขอความร่วมมือไปยังบริษัทโอสถสภาและบริษัท ปตท.เพื่อให้ส่งโฟมมาแล้ว ทั้งนี้ในส่วนของโรงงานได้อพยพคนงานทั้งหมด 988 คน ออกนอกอาคารหมดแล้ว เบื้องต้นพบว่ามีคนงานบาดเจ็บศีรษะแตก 1 คน ไม่มีคนงานเสียชีวิต ส่วนการสอบสวนหาสาเหตุทางตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุ คาดว่าวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ น่าจะได้ข้อสรุป
นายสมโภชน์ พรหมเสมา ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ตอนนี้อยู่ระหว่างควบคุมเพลิง เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปดับเพลิงยังจุดเกิดเหตุลำบาก เพราะเป็นโกดังเก็บวัสดุด้านหลังโรงงาน ทางเจ้าหน้าที่กำลังพยายามควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด สำหรับโกดังดังกล่าวเป็นโกดังเก็บวัสดุของ บ.สหยูเนียน จำกัด เก็บวัสดุอุปกรณ์สูง 4 ชั้น โดยชั้นที่ 3และ 4 เก็บวัสดุประเภททินเนอร์ ซึ่งขณะนี้ไฟได้ลุกลามหลังคาชั้น 4 ทั้งหมด และกำลังลามลงมาที่ชั้น 1 และชั้น 2 โดยขณะเกิดเหตุไม่มีพนักงานอยู่ด้านในแต่อย่างใด
"เจ้าหน้าที่พยายามลากสายยาว ฉีดน้ำเลี้ยง ไม่ให้ไฟลุกลามไปติดอาคารอื่นที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่เองก็ต้องระมัดระวัง ออกมาฉีดน้ำอยู่ด้านนอกเท่านั้น เนื่องจากกลัวว่าตัวโครงสร้างอาคารจะมีปัญหา เพื่อความปลอดภัยจึงต้องคอยฉีดน้ำอยู่ด้านนอกเท่านั้น " นายสมโภชน์ กล่าว
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ที่ จ.สมุทรปราการ เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในบริษัท ผ้าห่มโบตั๋น จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตผ้าห่มส่งออก ตั้งอยู่เลขที่ 546 ริมถนนสุขุมวิท ปากทางเข้าฟาร์มจระเข้ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นโรงงานผลิตผ้าห่มส่งออกขนาดใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ ภายในเป็นอาคารโรงงานชั้นเดียว แบ่งออกเป็น 3 อาคาร พบกลุ่มควันหนาทึบพวยพุ่งออกมาจากอาคารฝ่ายผลิตหลังที่ 3 ซึ่งมีเครื่องปั่นผ้าฝ้ายตั้งเรียงรายอยู่ภายในอาคาร 5 เครื่อง และเศษผ้าวางกองอยู่จำนวนมาก จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงช่วยกันระดมฉีดน้ำนานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล ทำได้เพียงฉีดน้ำสกัดไม่ให้เพลิงลุกลามไปอาคารอื่นเท่านั้น ทำให้เครื่องจักรปั่นผ้าและเศษผ้าที่วางกองเอาไว้เสียหายทั้งหมด ส่วนค่าเสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือเครื่องจักรอาจถูกใช้งานหนักเกินไปจึงเกิดความร้อนและเกิดไฟลุกไหม้ดังกล่าว
ต่อไฟไหม้
บริษัทดังกล่าวดำเนินกิจการผลิตกระติกน้ำสเตนเลสระบบสุญญากาศ ขณะเกิดเหตุมีพนักงานทำงานอยู่ประมาณ 50 คน โดยที่บริเวณชั้น 3 เป็นห้องพ่นสี เพลิงได้ลุกไหม้ไปยังชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องสโตร์เก็บของ เครื่องมือเครื่องใช้ พลาสติก ถุงมือ กล่องกระดาษต่างๆ
จากการสอบถาม น.ส.นิตยา เรืองขำ อายุ 28 ปี พนักงานพ่นสีกระติกน้ำ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้มีเพื่อนพนักงานประมาณ 50 คน ซึ่งเป็นพนักงานพ่นสีอยู่ภายในบริษัทดังกล่าว ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นแสงไฟออกจากบริเวณห้องพ่นสี จึงตะโกนบอกเพื่อนๆ จากนั้นทุกคนก็พากันลุกหนีวิ่งลงมาด้านล่าง โดยไฟลุกโหมมาอย่างรวดเร็ว
นายชัชวาล พรสุขจันทร์ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรายหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุพบว่าเพลิงลุกไหม้จากชั้น 3 ขึ้นไปยังชั้น 4 เจ้าหน้าที่พยายามช่วยกันดับเพลิง และฉีดน้ำเลี้ยงไม่ให้เพลิงลุกลาม โดยใช้เวลาหลายชั่วโมง เบื้องต้นจากการสำรวจพบว่า อาคารชั้น 3 และชั้น 4 เสียหายทั้งหมด และจากการสังเกตพบว่า ผนังตึกเริ่มร้าว เนื่องจากน้ำที่ฉีดไปทำปฏิกิริยากับความร้อน ทำให้ผนังเกิดอาการร้าวได้ ซึ่งยังไม่สามารถบอกว่าอาคารดังกล่าวปลอดภัยหรือไม่ เบื้องต้นได้กั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่วิทยุสื่อสาร สภ.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุสื่อสารสรรเพชร (แผนกที่ 5 กองคลังแสง กรมสรรพาวุธ ทหารบก) เกิดเหตุระเบิดบริเวณคลังแสงเก่า ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำให้เพลิงลุกไหม้ จึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมขอกำลังเจ้าหน้าที่สนับสนุนในการปิดการจราจรถนนมิตรภาพสายเก่าทั้งขาเข้านครราชสีมาและขาเข้ากรุงเทพฯ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหลังป้อมยามทางเข้าคลังแสงเก่า เบื้องต้นพบ กลุ่มควันไฟลอยหนาทึบ เจ้าหน้าที่ต้องปิดประตูรั้วไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป โดยมีทหารนำรถน้ำฉีดสกัดพื่อควบคุมเพลิงอยู่ด้านนอก ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง เหตุการณ์จึงสงบ จากการสอบสวนทราบว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดจากลูกระเบิดเก่าที่ชาวบ้านไปพบ และนำมาวางไว้ที่ป้อมยามของคลังแสงเก่า แต่เนื่องจากลูกระเบิดมีสภาพเก่า เมื่อสัมผัสกับอากาศร้อน ทำให้ฟอสฟอรัสที่อยู่ภายในติดไฟขึ้น โชคดีที่ทหารยามพบเห็นก่อน จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น เพราะบริเวณใกล้เคียงมีลูกกระสุนปืนใหญ่ไม่ทราบชนิดขนาดใหญ่เท่าโคนขายาวเกือบ 1 เมตร อีกหลายลูก
ทบ.แจงไฟไหม้หญ้าซากกระสุนเก่าติดไฟ
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ไฟไหม้หญ้า บริเวณใกล้กับพื้นที่กองคลังแสง กรมสรรพวุธทหารบก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาว่า เนื่องจากมีชาวบ้านไปเก็บเครื่องกระสุน ปืนค.กับลูกกระสุนปืนใหญ่ชนิดฟอสฟอรัส จำนวน 6 ลูก ซึ่งเป็นซากที่หลงเหลือจากเหตุระเบิดเมื่อปี 2544 ณ บริเวณพื้นที่คลังเก่า ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่หวงห้ามและไม่ได้ใช้แล้ว โดยชาวบ้านได้เก็บนำซากกระสุนที่เสียหายมาวางทิ้งไว้ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว แต่เนื่องจากสภาพกระสุนที่ชำรุด จึงมีการรั่วซึมของสารฟอสฟอรัส เมื่อสัมผัสกับอากาศจะมีปฎิกริยาเกิดควันและติดไฟ จึงทำให้เกิดไฟลุกไหม้พื้นหญ้าบริเวณนั้น โดยยืนยันว่า ไม่ใช่การปะทุขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถดับเพลิงและรถน้ำเข้าทำการดับไฟ ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว พร้อมกับทำการเก็บกู้ซากกระสุนที่เหลือไปทำลาย ณ สนามทำลายของกองคลังแสงต่อไป
