10 ความเชื่อผิดๆ ไม่สวมหมวกกันน็อค
หลังจากหลายหน่วยงานใหญ่เปิดตัวรณรงค์การเข้าสู่ “ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน” ไปพร้อมกันทุกประเทศทั่วโลก เมื่อ 11 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา เป้าหมายแรกของการลดอุบัติเหตุจราจรทางถนนของไทยเราพุ่งเป้าไปที่ “กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์” จำนวนมหาศาล เฉพาะที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก มีจำนวน 17,586,506 คัน (นับถึงเมษายน 2554)
ถ้าคำนวณจากสถิติผู้เสียชีวิต 12,000 คนจากปีที่ผ่านมา ปรากฎว่า จำนวนนั้นจะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่มีมากถึงร้อยละ 80 หรือ 9,600 คนโดยประมาณ เป็นเด็กและเยาวชนกว่าร้อยละ 40 ส่วนใหญ่มาจากเหตุผลไม่สวมหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อค และจะยังมีต่อไปเรื่อยๆ
จากการลงมือขุดหาสาเหตุจากผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ว่า “ทำไม เพราะอะไร จึงไม่สวมหมวกกันน็อค”
ผลจากการสัมภาษณ์ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อค จำนวน 77,334 คน จาก 73 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างเดือนมีนาคม ถึง เดือนกรกฎาคม 2553 ปรากฏเหตุผลการไม่ สวมหมวกกันน็อค 10 ประการ ล้วน เป็นความเชื่อ ที่ไม่ถูกต้อง เมื่อเทียบกับ หลักความจริง ของความปลอดภัย ดังนี้
1. ความเชื่อ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปใกล้ๆ แค่นี้เอง เป็น ความเชื่ออันดับแรก คือมากถึง 64% ของผู้ที่ตอบแบบสัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ไม่สวมหมวกกันน็อค
ความจริง จากการสำรวจระยะทางห่างจากบ้านถึงจุดที่เกิดเหตุ ในคนเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ณ ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลขอนแก่น พบว่า กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือ 36.4% ของผู้ที่ได้ รับบาดเจ็บ เกิดเหตุ ในรัศมี 1 กม. จาก-บ้านหรือที่พัก 22.7% เกิดเหตุห่างจากที่พัก ระหว่าง 1- 2 กม. 14.5% เกิดเหตุห่างจากที่พัก 2-5 กม. และ 26.4% เกิดเหตุห่างจากที่พัก มากกว่า 5 กม. บ่อยครั้งมากที่คนไข้เสียชีวิต เพราะขี่จักรยานยนต์ ชนสุนัข , หรือทับก้อนหินเสียหลัก หรือขี่รถตกหลุม ขณะออกจากบ้านไปธุระ หน้าปากซอย ห่างจากบ้านไม่ถึง 100 เมตร จากข้อมูลชุดนี้ แสดงให้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้ว อุบัติเหตุที่เกิดกับรถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เกิดอยู่ ใกล้ๆบ้านนั่นเอง
2. ความเชื่อ ไม่ได้ขับขี่รถออกถนนใหญ่ หมวกไม่ต้องใส่ก็ได้ เป็นความเชื่ออันดับที่สอง คิดเป็น 37% ของผู้ที่ตอบแบบสอบถาม
ความจริง ข้อมูลจาก ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ในปี 2553 วันที่ 12-15 เมษายน ชี้ชัดว่าอุบัติเหตุ มากถึง 2/3 เกิดบนถนน สายรอง เช่น ถนนในเขตหมู่บ้าน ในเมือง ในเขตเทศบาลและทางหลวงชนบท มีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ที่เหตุเกิดบนถนนสายหลัก หรือถนนใหญ่
3. ความเชื่อ เร่งรีบ ก็เลย เอาหมวกมาใส่ไม่ทัน เป็นความเห็น 29% ของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์
ความจริง เร่งอย่างไร ถ้าจะคว้าหมวกมาใส่ ก็ต้องใส่ทัน มีใครที่รีบมากจนไม่ใส่กางเกงออกจาก บ้านบ้าง ทั้งที่ใส่กางเกงต้องใช้เวลานานกว่าใส่หมวกกันน็อคเสียอีก
4. ความเชื่อ ร้อนอึดอัด สวมใส่แล้วไม่สบาย สกปรก เป็นเหตุผลใน 21% ของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์
ความจริง จากการสังเกตผู้ที่ขับขี่รถบนท้องถนน จะพบว่า ผู้ขับขี่จำนวนมาก สวมเสื้อแจกเก็ต คลุมทับอีกชั้น ซึ่งถ้าว่าไปแล้ว จะร้อนอึดอัดมากกว่า
5. ความเชื่อ 13% ของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ ตอบว่า กลัวผมเสียทรง
ความจริง เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค ด้วยความเร็วของรถ แม้ความเร็วต่ำ ลมปะทะก็สามารถทำให้ผมปลิวกระจาย เสียทรงซะยิ่งกว่า ถ้าขับขี่เร็วกว่านั้น ทรงผมก็ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเสียรูปขนาดไหน
6. ความเชื่อ 10% ตอบว่า ไม่มีที่เก็บ พกพาลำบาก กลัวหาย
ความจริง คนจำนวนไม่น้อย ยังไม่รู้ว่า รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ มีเดือยอยู่ใต้เบาะของจักรยานยนต์ เมื่อยกเบาะรถขึ้น สามารถเอาสายรัดคางของหมวกกันน็อคคล้องกับเดือยใต้เบาะ เมื่อปิดเบาะรถลง ก็สามารถ ล็อกให้หมวกถูกเก็บอยู่กับรถได้ ไม่ต้องถือติดตัว หรือไม่ต้องไปหาที่เก็บที่ไหนอีก
7. ความเชื่อ 8% ตอบว่า บริเวณที่จะขี่ไปไม่มีตำรวจ
ความจริง เจตนาของการใส่หมวกกันน็อค ก็เพื่อที่ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ศีรษะของเรา จะได้รับการป้องกันไม่ให้ถูกกระแทก จนสมองกระทบกระเทือน ไม่ใช่เพื่อป้องกันตำรวจจับ การที่ตำรวจต้องออกมาเข้มงวดกวดขันให้ใส่หมวกกันน็อค ก็เพราะความปรารถนาดี ให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตของผู้ขับขี่ กับทั้งเป็นการป้องกันความเดือดร้อน ของผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
8. ความเชื่อ 7% ตอบว่า ไม่มีหมวกกันน็อค
ความจริง ปัจจุบันนี้ ราคาหมวกกันน็อคในโครงการรณรงค์สวมหมวกกันน็อค ซึ่งบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตหมวกกันน็อค สามารถสนับสนุนการซื้อหมวกกัน น็อคชนิดครึ่งศีรษะ ที่ได้มาตรฐานในราคาถูก เพียง 99 บาท เท่านั้น
9. ความเชื่อ คิดว่าโอกาสเกิดอุบัติเหตุมีน้อย คิดเป็น 6% ของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์
ความจริง ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะที่ต้องรับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐ มีจำนวนมากถึงปีละกว่า 300,000 คน ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงเป็นอย่างยิ่ง เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่ว่าผู้ป่วยเหล่านี้ แทบทั้งหมด ไม่นึกว่าอุบัติเหตุจะเกิดกับตัว จึงขับขี่ด้วยความประมาท ไม่ใส่หมวกกันน็อค และ เมาแล้วขับ
10. ความเชื่อ บุคคลที่นั่งมาด้วยก็ไม่ได้สวม คิดเป็น 4% ของผู้ที่ตอบแบบสัมภาษณ์
ความจริง แทนที่จะกระทำความผิด ด้วยการสร้างความไม่ปลอดภัยกับตัวเอง ควรที่จะต้อง ชักชวนให้คนที่ไม่ได้สวมหมวก ต้องสวมหมวกด้วยกัน
จะ “ความเชื่อ” ใส่ “ความจริง” ให้กับผู้ขับขี่และผู้ซ้อนรถจักรยานยนต์คนไทยวันนี้ ไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ใช่เรื่องแพง เพราะส่วนสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกจังหวัดร่วมกับบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และ ภาคีเครือข่าย จัดจำหน่ายหมวกกันน็อคมาตรฐาน มอก. ราคาเพียง 99 บาท
ลองติดตามกันดูหรือคอยจ้องว่า ในจังหวัดจะมีการรณรงค์เมื่อไหร่ (ปกติจะมีกันทุกเดือน) แต่สำหรับคนที่พอจะซื้อหาหมวกฯ ที่ได้มาตรฐานมาสวมใส่ก่อนขับขี่หรือโดยสารได้ราคาใบละ 300-500 บาท หามาใส่หมวกกันน็อคทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
ตรงนี้ละครับที่ผมขอให้ “เชื่อ” เพราะว่า ภาพ “ความจริง” จากอุบัติเหตุมันน่ากลัวกว่าที่คิดหลายเท่า!!
--------------------------------
นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย*
ผอ.ศูนย์ความร่วมมือด้านการป้องกันอุบัติเหตุขององค์การอนามัยโลก และ ประธาน สอจร.