การจัดการกรณีสารเคมีหกล้น รั่วไหล 1) แจ้งบุคคลในพื้นที่ให้รับทราบถึงเหตุสารเคมีหกล้น รั่วไหลที่เกิดขึ้น สถานที่ ปริมาณและคุณสมบัติของสารเคมีที่หกล้น รั่วไหลนั้น
2) ถ้าหากว่ามือของท่านสัมผัสหรือปนเปื้อนสารเคมีที่หกล้น รั่วไหลให้ล้างมือของท่านให้สะอาด
3) สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ได้แก่ ถุงมือ เสื้อคลุมห้องปฏิบัติการ และแว่นตา เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีมาสัมผัส ปนเปื้อนมือ ร่างกายและเสื้อผ้า
4) กำหนดเขตและกั้นแยกเขตที่สารเคมีหกล้น ใช้ชอล์ก ปากกา เทป หรืออุปกรณ์อื่นๆ ทำเครื่องหมายแสดงเขตที่สารเคมีหกล้นและจำกัดการเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว
5) ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่สารเคมีหกล้นจะต้องได้รับการตรวจสอบว่ามีการสัมผัสหรือได้รับการปนเปื้อนสารหรือไม่ หากมีการปนเปื้อนต้องได้รับการล้าง กำจัดการปนเปื้อนนั้นและให้ไปอยู่ในพื้นที่อื่นที่จะมีการรับสัมผัสกับสารเคมีน้อยที่สุด
6) ในกรณีที่สารเคมีที่หกล้นเป็นสารที่แห้ง ให้ค่อยๆ ทำให้สารเคมีที่หกล้นเปียกเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สารเคมีดังกล่าวแพร่กระจายจากกระแสลม ทั้งนี้ให้ระวังอย่าให้พื้นที่ที่สารเคมีหกล้นมีการแพร่กระจายโดยไม่จำเป็น ในกรณีที่สารเคมีที่หกล้นเป็นของเหลวให้ใช้สารดูดซับเทลงไปบนของเหลวดังกล่าวเพื่อจำกัดปริมาณการแพร่กระจายของการปนเปื้อน
7) ปิดพัดลมหรืออุปกรณ์ระบายอากาศ ควรใช้การระบายอากาศเฉพาะที่เท่านั้น
แจ้งเหตุไปยังผู้เชี่ยวชาญภายนอกหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ เพื่อให้เข้าทำการช่วยเหลือและระงับเหตุ
9) เมื่อมีการควบคุมเขตที่สารเคมีหกล้น รั่วไหลแล้ว ให้เริ่มดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนการล้าง กำจัดการปนเปื้อนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยสารทำความสะอาดควรมีพร้อมไว้แล้วในชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดสารเคมีหกล้น ให้ทำการลดขนาดพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนให้เหลือน้อยที่สุดอย่างเป็นระบบ หลีกเลี่ยงการใช้วิธีการทำความสะอาดที่อาจทำให้สารเคมีที่หกล้นมีการแพร่กระจายออกไปในวงกว้างมากขึ้นได้ ในบางสถานการณ์ การกำจัดสารเคมีที่หกล้นนั้นอาจใช้วิธีการล้างพื้นที่ด้วยกรดก็ได้ แต่ควรดำเนินการเฉพาะกับพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดีเท่านั้น
10) นำอุปกรณ์ที่ใช้ในการกำจัดสารเคมีที่หกล้น หรือที่ใช้ล้างการปนเปื้อนที่เป็นประเภทใช้แล้วทิ้งที่มีการปนเปื้อนทั้งหมดใส่ไว้ในถุงพลาสติกเพื่อนำไปกำจัดอย่างเหมาะสมในภายหลัง ควรนำอุปกรณ์ที่ปนเปื้อนใส่ไว้ในถุงหรือใส่ไว้ภาชนะบรรจุใดๆ ไว้เพื่อนำไปทำการล้างกำจัดการปนเปื้อนต่อไป
11) ใช้เครื่องมือวัดระดับความเข้มข้นของสารหรือทดสอบความสะอาด เพื่อตรวจสอบผลการดำเนินล้าง กำจัดการปนเปื้อน
การล้าง กำจัดการปนเปื้อนให้บุคคล 1) ดำเนินการปฐมพยาบาลตามความจำเป็น
2) เมื่อทำการล้าง กำจัดการปนเปื้อนให้แก่บุคคลนั้น ให้ระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวและเชื้อชาติที่แตกต่างกันด้วย
3) มองหาพื้นที่ที่ได้รับการปนเปื้อน สำรวจปริมาณการปนเปื้อน ขนาด และตำแหน่งที่ได้รับการปนเปื้อน
4) เริ่มต้นดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนการล้าง กำจัดการปนเปื้อนโดยใช้วิธีการทำความสะอาดที่อ่อนมากที่สุดก่อน ได้แก่ ทำการล้าง กำจัดการปนเปื้อนให้แก่ผิวหนังโดยใช้สบู่อ่อนและน้ำ การล้าง กำจัดการปนเปื้อนในลำดับต่อมาควรใช้สบู่และแปรงขนอ่อนและน้ำ จากนั้นให้ใช้กรดอินทรีย์อย่างอ่อน (กรดซีตริกหรือน้ำส้ม) สำหรับเล็บหรือผม/ขน อาจจำเป็นต้องตัด/เล็มให้สามารถทำการล้าง กำจัดการปนเปื้อนได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ในการดำเนินการล้าง กำจัดการปนเปื้อนนั้นไม่ควรทำให้ผิวหนังเกิดรอยขีดข่วน
5) ล้าง กำจัดการปนเปื้อนให้แก่พื้นรองเท้า รองเท้า
6) ใช้เครื่องมือวัดระดับความเข้มข้นของสารหรือทดสอบความสะอาด เพื่อตรวจสอบผลการดำเนินล้าง กำจัดการปนเปื้อน
7) บันทึกขนาด สถานที่ และระดับปริมาณการปนเปื้อน จากนั้นให้แจ้งข้อมูลเหล่านี้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรับทราบ รวมทั้งแจ้งไปยังผู้เชี่ยวชาญภายนอกหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบด้วย
นำอุปกรณ์ที่ใช้ในการกำจัดสารเคมีที่หกล้น หรือที่ใช้ล้างการปนเปื้อนที่เป็นประเภทใช้แล้วทิ้งที่มีการปนเปื้อนทั้งหมดใส่ไว้ในถุงพลาสติกเพื่อนำไปกำจัดอย่างเหมาะสมในภายหลัง ควรนำอุปกรณ์ที่ปนเปื้อนใส่ไว้ในถุงหรือใส่ไว้ภาชนะบรรจุใดๆ ไว้เพื่อนำไปทำการล้างกำจัดการปนเปื้อนต่อไป
9) อาจจำเป็นต้องถอดหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย อาจนำเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนใส่เข้าไว้ในถุงและเก็บไว้รอการกำจัดหรือทำลายทิ้ง